วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

เดินหน้าสนับสนุนสื่อ สู่บ้านหนังสืออัจฉริยะ

นายคมกฤช  อภิชัยสรพันธุ์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอสิเกา   เล่าว่า จากการลงพื้นที่ติดตาม
ความก้าวหน้าการจัดตั้งบ้านหนังสือฯ ในหลายพื้นที่อำเภอสิเกา พบว่า อาสาสมัครฯ รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการอ่านให้แก่คนไทย โดยขณะนี้ทั้ง 20 หมู่บ้านได้จัดหนังสือลงบ้านหนังสือฯ ครบทุกแห่งแล้ว และเดินหน้าสนับสนุนสื่อการเรียนรู้ ปากกาอัจฉริยะ สื่อการเรียนรู้รูปแบบใหม่ ที่มาพร้อมด้วยเทคโนโลยี ใช้งานง่ายสมบูรณ์แบบ ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านภาษา  เสริมปัญญาได้อย่างยอดเยี่ยม เรียนรู้ภาษาได้ 3 ภาษา  ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาไทย ด้วย หนังสือ นิทาน+เกมส์+ตัวอักษร+อื่นๆ  หรือ จัดหาแว่นสายตาสำหรับผู้สูงอายุและผู้มีปัญหาทางด้านสายตาในการอ่านหนังสือ  จำนวน 166 อัน จำนวน 20 บ้าน
"ยอมรับว่าขณะนี้บ้านหนังสือฯ ยังไม่พร้อม 100 % แต่คิดว่าในระยะเวลาอีกไม่นานบ้านหนังสือฯ คงจะสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างจะครบสมบูรณ์ทุกหมู่บ้าน เพื่ออำนวยความสะดวก และส่งเสริมการอ่านอย่างแท้จริง"



วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

กินไป...อ่านไป กับบ้านหนังสืออัจฉริยะ "หาดปากเมง"

                          

นางวิไลพร  ยอดแสง เจ้าของร้านอาหารปันตัย หาดปากเมง ในฐานะอาสาสมัครบ้านหนังสืออัจฉริยะ "บ้านหาดปากเมง" อ.สิเกา จ.ตรัง  กล่าวว่า  ตนเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว ได้จัดพื้นที่ส่วนหนึ่งของทางร้านซึ่งเป็นร้านขายอาหาร เป็นมุมบ้านหนังสือฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกค้าที่มาซื้ออาหารในระหว่างที่รอก็ไม่ได้ทำอะไร จะนั่งคุยกันแต่ปัจจุบันเมื่อมีหนังสืออ่านที่บ้านหนังสือฯ ทุกคนก็จะสั่งอาหารและระหว่างที่รอก็เลือกอ่านหนังสือที่จัดหาไว้คอยบริการ

"บางคนก็หยิบหนังสือมาอ่านไปกินไป บางครั้งลูกค้าประจำเมื่ออ่านไม่จบก็ขอยืมไปอ่านต่อตนเองก็ยินดีซึ่งปกติตัวเองเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว บางครั้งก็ซื้อเองบ้าง  มีคนนำมาบริจาคให้บางเมื่อเห็นว่าที่ร้านมีบ้านหนังสืออัจฉริยะไว้บริการ  แต่ส่วนใหญ่จะไปยืมจากห้องสมุดประชาชนอำเภอสิเกามาอ่านและนำมาไว้บริการเพื่อนบ้านที่ไม่สะดวกในการเดินทางไปห้องสมุดด้วย เต็มใจและอยากจะสนับสนุนให้คนไทยหันมาอ่านหนังสือเยอะๆ เพื่อเป็นความรู้ที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนได้ปรับปรุงร้านและจัดเป็นมุมหนังสือไว้ และได้จัดหาตู้วางหนังสือเพิ่มเติมจากส่วนที่ กศน.สิเกาให้การสนับสนุน และยังมีแว่นสายตาคอยบริการสำหรับคนมีปัญหาทางด้านสายตาด้วย และมีสื่อเทคโนโลยีที่ทาง กศน.สิเกา ให้การสนับสนุนอีกอย่างหนึ่งก็คือ ปากกาพูดได้ ซึ่งรู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนในการสร้างประโยชน์ให้แก่คนในชุมชน"

วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

โยคะเพื่อสุขภาพ

    ฝึกโยคะดูสิ...ประโยชน์เพียบ

    ฝึกโยคะดูสิ...ประโยชน์เพียบ


    ประโยชน์ของโยคะ (Happy+)
    เรื่อง : นันทภา ปัญญารัตน์ 

              เห็นคุณผู้หญิงหลาย ๆ คน โดยเฉพาะสาวออฟฟิศ หันไปฝึกโยคะกันมากขึ้น อยากรู้แล้วสิว่า โยคะมีประโยชน์อย่างไรนะ?

    เราฝึกโยคะเพื่ออะไร?

              การฝึกโยคะเป็นการดูแลสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่งที่คนให้ความสนใจและฝึกปฏิบัติกันมาก เพราะนอกจากจะเป็นผลดีต่อร่างกายและจิตใจแล้ว ยังมีผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ และอวัยวะต่าง ๆ ที่อยู่ภายในร่างกายอีกด้วย นอกจากนั้นยังช่วยให้ข้อต่อต่าง ๆ ทั่วร่างกายเคลื่อนไหวได้ดี ไม่เกิดการติดขัดสามารถชะลอความเสื่อมของข้อต่อได้ สำหรับด้านจิตใจ การฝึกโยคะช่วยให้ผ่อนคลาย หายเครียด เพราะการปฏิบัติท่าต่าง ๆ จะเน้นการฝึกจิตให้จดจ่อกับการหายใจเข้าออก

    ประโยชน์ของการฝึกโยคะคืออะไร 

              ประโยชน์ของการฝึกโยคะ มีดังต่อไปนี้

               1. ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีขึ้น การยืดเหยียดทำให้หลอดเลือดขยายตัว และเลือดสามารถไหลเวียนไปยังส่วนนั้นได้มากขึ้น

               2. ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับข้อต่อต่าง ๆ ทำให้ข้อต่อสามารถเคลื่อนไหวได้ระยะ หรือมุมการเคลื่อนไหวที่มากกว่าเดิม

               3. ช่วยแก้ไขทรวดทรง (Posture) ให้ดูดีขึ้น การฝึกโยคะจะเป็นการฝึกการทรงตัว และกระจายน้ำหนักผ่านแขน ขา และกระดูกสันหลังอย่างเหมาะสม

               4. ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยอันเนื่องมาจากการเล่นกีฬาหรือทำงานในชีวิตประจำวัน

               5. ช่วยผ่อนคลายและลดความตึงเครียดที่เกิดจากการทำงานในชีวิตประจำวัน โยคะเป็นการฝึกการหายใจให้สอดคล้องกับการปฏิบัติท่าโยคะ นอกจากนั้นยังมีการฝึกกำหนดลมหายใจ หรือที่เรียกว่า ปราณ (Pranayama) ซึ่งให้ผลโดยตรงในด้านการผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

               6. ช่วยทำให้สมาธิดีขึ้น การฝึกโยคะจะเป็นการฝึกให้จิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น การฝึกนับลมหายใจเข้า-ออก ก็จะเป็นการฝึกจิตให้คิดอยู่กับสิ่งสิ่งเดียว ซึ่งถือเป็นการฝึกสมาธิอีกรูปแบบหนึ่ง

               7. ช่วยเพิ่มความสามารถในการทรงตัว เพราะทำโยคะหลายท่า เช่น ท่าภูเขา ท่านักรบ เน้นในเรื่องของการรักษาสมดุลขณะที่อยู่ในท่า ทั้งนี้ รวมถึงท่าที่ต้องมีการทรงตัวบนเท้าข้างเดียวด้วย

               8. ช่วยทำให้ใจเย็นลง โยคะมีการฝึกหายใจ ผู้ฝึกสามารถหายใจได้ยาวและลึกขึ้นกว่าเดิม การหายใจช้า ๆ และลึก จะช่วยระงับความรุนแรงของความโกรธให้ทุเลาลงได้

               9. ใช้ในทางบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ ที่มีสาเหตุมาจากความเครียด (เช่น ไมเกรน)

               10. ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน

               11. เพิ่มความมีสติ คือ ผู้ฝึกสามารถรับรู้ท่าทางการเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้องของตนเองได้เร็วขึ้น ในขณะที่อยู่ในท่านั่ง นอน ยืน เดิน หรือทำงานในชีวิตประจำวัน


              รู้ประโยชน์ของโยคะอย่างนี้แล้ว คงทำให้เข้าใจแล้วใช้ไหมว่า ทำไมคนจึงนิยมฝึกโยคะกันมากขึ้นแล้วคุณล่ะ เริ่มสนใจอยากฝึกโยคะกันบ้างหรือยัง?


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก


    แหล่งที่มาของข้อมูล
    - สาลี่ สุภาภรณ์ (2547), ตำราไอเยนกะโยคะ พิมพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์เฟื่องฟ้าพริ้นติ้ง  


ส่งเสริมการอ่านเพื่อมุ่งสู่อาเซียน

การส่งเสริมการอ่านเพื่อมุ่งสู่อาเซียน

“การอ่าน” เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนากระบวนการคิด และภูมิปัญญา นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพคน สังคมและประเทศ แต่นิสัยคนไทยยังไม่ค่อยรักการอ่าน ซึ่งผลสำรวจพฤติกรรมการอ่านหนังสือของคนไทย พบว่าการหนังสือเฉลี่ยเพียงปีละ 5 เล่ม ต่อคน นับว่าต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างเช่น ประเทศมาเลเซีย มีสถิติการถ่านหนังสือปีละ 40 เล่มต่อคน หรือประเทศสิงคโปร์ เฉลี่ยปีละ 70 เล่มต่อคน แม้แต่เวียดนาม ที่มีการอ่านหนังสือปีละ 60 เล่มต่อคน (ข้อมูลจากการดูรายการ ช่วยคิดช่วยทำ ทางช่อง 3 วันที่ 30 มี.ค. 55)
ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยยังขาดนิสัยรักการอ่านเป็นอย่างมาก แต่นิสัยคนไทยมักมีค่านิยมของการอ่าน เพื่อความบันเทิง เพื่อความสนุกสนาน แต่ไม่ค่อยอ่านหนังสือประเภทที่จะสามารถสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ หรือแม้กระทั่งการอ่านภาษาอังกฤษ คนไทยก็ยังไม่สนใจอ่าน ซึ่งหนังสือที่คนมักชอบอ่าน เช่น เรื่องย่อละคร หนังสือพิมพ์กีฬา หรือค่านิยมของเทคโนโลยีการสื่อสาร เช่น เล่น Internet , facebook เป็นต้น จนทำให้คนไทยมีพฤติกรรมที่ มี High Relationship Technology แต่ Low Relationship persons ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจส่งผลให้คนไทยที่เคยอยู่ในสังคมแบบมีความเอื้ออาทรซึ่งกันและกันเริ่มจะจางหายไปจากสังคมลงไปเรื่อยๆ
ในโอกาสที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียน (ASEAN) ในปี 2558 ในฐานะห้องสมุดเป็นองค์กรหนึ่งที่มีบทบาทและมีความสำคัญในการส่งเสริมและให้บริการการเรียนรู้ สนับสนุนประชาชนทางด้านการศึกษา ช่วยพัฒนาประชาชนให้เข้าถึงข้อมูลสารสนเทศและเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยจะต้องมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนห้องสมุดให้ทันกับยุคสมัย ก้าวทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึง การพัฒนาบุคลากรห้องสมุดเพื่อเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งคนเป็นปัจจัยสำคัญในการเป็นผู้ปฏิบัติงาน ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้ของ ประชากร การให้บริการวิชาการแก่มหาวิทยาลัย และองค์กรอื่น ๆ เพื่อให้สามารถที่จะแสวงหาความรู้ และข้อมูลสารสนเทศ ในการสร้างองค์ความรู้และผลิตบุคลากร ที่มีคุณภาพ ตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมาย
ดังนั้นห้องสมุดควรเห็นความสำคัญของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้บุคลากร มีใจรักการอ่าน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สังคมการเรียนรู้ในองค์กร ผ่านกระบวนการส่งเสริมให้เกิดการรักการอ่าน การแสวงหาความรู้ และการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของการยกระดับกระบวนการคิดในการพัฒนาตนเอง ซึ่งผู้ที่ปฏิบัติงานในห้องสมุดจำเป็นต้องเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้อยู่เสมอ ซึ่งรากฐานของการอ่าน อันนำไปสู่ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกได้อย่างยั่งยืน
ซึ่งกิจกรรมส่งเสริมการอ่านก็เป็นโครงการหนึ่งที่อาเซียนให้ความสำคัญ ด้วยการพยายามร่วมมือกันมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1967 ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่น่าสนใจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ และการสร้างความเข้าใจความเป็นประชาคมอาเซียน ด้วยการนำเทคโนโลยีสื่อสารมาปรับใช้ในกิจกรรมการอ่าน เช่น ประเทศสิงคโปร์ส่งเสริมการอ่านของพลเมืองในประเทศโดยให้สามารถดาวน์โหลดเรื่องสั้นอ่านบนมือถือได้ ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว โดยจะเน้นจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อให้พลเมือง ในทุกกลุ่มอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น คนขับแท็กซี่ ช่างผม ครู มาตั้งกลุ่มการอ่าน หรือชมรมการอ่าน ในหมู่ที่ทำอาชีพเดียวกัน และเน้นการว่างแผนพัฒนาระบบห้องสมุดให้เป็นห้องสมุด ดิจิตอลหรือประเทศสมาชิกอื่น ๆ ก็ให้ความสำคัญกับกิจกรรมหรือโครงการส่งเสริมการอ่าน เช่น มาเลเซีย เวียดนาม ลาว
จากข้อมูลเบื้องต้นทำให้เห็นว่าห้องสมุด เกือบทุกประเทศในประเทศสมาชิกาประชาคมอาเซียนให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน โดยมีความเชื่อมั่นว่าการอ่านจะทำให้คนมีคุณภาพ มีความเท่าเทียมกัน ช่วยยกระดับชีวิตของคนอ่าน รวมไปถึงการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และสร้างชาติบ้านเมืองให้พัฒนาอย่างยั่งยืนได้ ดังนั้นห้องสมุดเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยพัฒนาประชาชนคนไทยให้มีนิสัยรักการอ่าน โดยจะต้องเริ่มที่การปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานในห้องสมุดก่อน ด้วยการกำหนดยุทธ์ศาสตร์ นโยบายของห้องสมุดโดยมีการกำหนดเป้าหมาย เช่น การส่งเสริมพฤติกรรมการอ่าน ส่งเสริมความสนใจเฉพาะด้าน ความเท่าทันเรื่องข้อมูลข่าวสาร การ ปลูกจิตสำนึกและชี้ให้เห็นความสำคัญของการอ่าน และยกระดับไปสู่การสร้างวัฒนธรรมการอ่าน ของคนในองค์กร และขยายไปถึงชุมชนต่าง ๆ หรือ การพัฒนาห้องสมุดให้เป็นห้องสมุดดิจิตอล ที่ประชาชน เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นการอำนวยความสะดวกให้คนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น
ซึ่งกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อเตรียมพร้อมรับความเป็นประชาคมอาเซียนในความคิดเห็นของผู้เขียน เช่น
1.ด้านข้อมูลพื้นฐานประเทศอาเซียน เช่น การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณี ศิลปะ ระบบการศึกษา เทคโนโลยี ของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยจัดโครงการส่งเสริมการอ่าน ด้วยการให้แต่ละคนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาเซียนในประเด็นดังกล่าว แล้วนำมาแลกเปลี่ยนให้เพื่อนร่วมงานฟังโดยอาศัยเวทีการประชุมประจำสัปดาห์ วันละ 15 นาที ซึ่งเป็นการฝึกให้บุคลากรห้องสมุดได้กล้าแสดงออก มีทักษะการนำเสนอ แสดงความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ซึ่งอาจทำเป็นทีม (2-3 คน)เพื่อจะได้ความคิดที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีม
2.ด้านภาษาและการสื่อสาร ควรศึกษาเรื่อง ภาษาถิ่น คำทักทายของแต่ละประเทศ แล้วนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนร่วมงาน
3.สำหรับการอ่านภาษาอังกฤษ ขั้นแรกทุกคนควรจะฝึกตนเองด้วยการหัดอ่านภาษาอังกฤษ จากหนังสือพิมพ์ หรือ หนังสือที่เราสนใจ ที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษประกอบ ซึ่งเทคนิคการอ่านภาษาอังกฤษให้เข้าใจได้เร็วขึ้นนั้น เราควรมีความรู้เรื่องนั้น ๆ ทีเป็นภาษาไทยก่อนแล้วเราจึงจะสามารถสรุปความหรือทำความเข้าใจได้เร็ว ซึ่งการอ่านภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องแปลทุกตัวอักษร ฝึกอ่านทุกๆ วัน ๆ ละประโยค 2 ประโยค แล้วจะได้ไปเองค่ะ
4.การสื่อสารภาษาอังกฤษ ปัจจุบันมีหนังสือมากมายที่เขียนประโยคภาษาอังกฤษสำหรับการสื่อสาร เราควรอ่านอย่างสม่ำเสมอ แล้วจะเกิดการเรียนรู้ไปเอง(เทคนิคที่ผู้เขียนปฏิบัติ)
ห้องสมุดเป็นองค์กรสำคัญในการเป็นองค์กรที่เปิดประตูสู่โลกแห่งการสร้างประสบการณ์ด้านการอ่าน ของคนไทย ซึ่งรากฐานของการอ่าน อันนำไปสู่ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกได้อย่างยั่งยืน ด้วยการกำหนดเป็นยุทธ์ศาสตร์หรือนโยบายในการส่งเสริมการอ่านทั้งบุคลากรห้องสมุดและขยายไปสู่สังคมภายนอกเพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับผู้อ่านกลุ่มต่าง ๆ ได้มากขึ้น

การส่งเสริมการอ่านเพื่อมุ่งสู่อาเซียน

by  | tags:  

นิทานสำหรับเด็ก

นิทานสำหรับเด็ก

บ้านหนังสืออัจฉริยะธนาคารความรู้ใกล้บ้าน กศน.อำเภอสิเกา

บ้านหนังสืออัจฉริยะเป็นเหมือนธนาคารความรู้ใกล้บ้าน ที่มีข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยง่าย    น่าตกใจไม่น้อยกับข้อมูลการอ่านหนังสือของคนไทย โดยจากสถิติล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2555พบว่า คนไทยอ่านหนังสือปีละประมาณ 2-5 เล่ม ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สิงคโปร์ อ่านหนังสือปีละ 40-60 เล่ม และเวียดนาม 60 เล่ม ซึ่งตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า สถานการณ์การอ่านหนังสือของคนไทยกำลังเข้าขั้นโคม่า ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเร่งเดินเครื่องในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นแล้วคนไทยคงรั้งอันดับท้าย และก้าวไม่ทันกับนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียน
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานหลัก ที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาคนไทยให้มีความสามารถในการอ่าน และมีนิสัยรักการอ่าน ตลอดจนสร้างบรรยากาศสิ่งแวดล้อมในการอ่านให้ยั่งยืน  จึงเป็นที่มาของการเกิดโครงการ "บ้านหนังสืออัจฉริยะ" ที่จะจัดตั้งอยู่ใน 80,000 กว่าหมู่บ้านทั่วประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้ และกระตุ้นให้เกิดการรักการอ่านมากขึ้น
"บ้านหนังสืออัจฉริยะเป็นเหมือนธนาคารความรู้ใกล้บ้าน ที่มีข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยง่าย โดยทำเลของการจัดตั้งบ้านหนังสือฯ จะตั้งอยู่ศูนย์กลางของหมู่บ้าน อาทิ ร้านกาแฟ ร้านค้า บ้านผู้มีจิตศรัทธา โดยมีอาสาสมัครบ้านหนังสืออัจฉริยะ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่คอยให้บริการประชาชนได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ ทั้งด้านข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ วารสาร นวนิยาย และหนังสือส่งเสริมการประกอบอาชีพ"
          หวังว่า "บ้านหนังสืออัจฉริยะ" จะช่วยกระตุ้นให้ค่าเฉลี่ยการอ่านหนังสือของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 20 เล่มต่อปีภายในปี 2558 เพราะเมื่อมีบ้านหนังสือฯ ครบทุกหมู่บ้าน เป็นที่อ่านหนังสือประจำแล้ว และประชาชนได้อ่านหนังสือในฝันที่อยากอ่าน เชื่อว่าคนไทยก็จะได้อ่านหนังสือด้วยความเพลิดเพลิน และจะช่วยเพิ่มปริมาณการอ่านหนังสือได้อย่างแน่นอน
       แม้การสร้างนิสัยรักการอ่านจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อแน่ว่าอย่างน้อย "บ้านหนังสืออัจฉริยะ" จะเป็นตัวจักรสำคัญที่จะกระตุ้นให้คนไทยเข้าถึง และอ่านหนังสือกันมากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้คงต้องร่วมกันลุ้นว่าบ้านหนังสือฯ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้สถิติค่าเฉลี่ยการอ่านของคนไทยเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ และถึงเวลาแล้วที่ต้องถามคนไทยทั้งประเทศว่า..วันนี้คุณอ่านหนังสือแล้วหรือยัง ?





สานตะกร้าด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์

นักศึกษา กศน.สิเกา เรียนรู้การสานตะกร้าจากกระดาษหนังสือพิมพ์

วัสดุเหลือใช้นำมารีไซเคิลเป็นของใช้รูปทรงต่างๆ

นักศึกษาเรียนรู้การจัดทำเส้นกระดาษ

ผลงานที่สำเร็จ


ผลไม้ทายนิสัย

ผลไม้ อาหารของทุกเพศทุกวัย ใครๆ ก็ชื่นชอบ เชื่อว่าแต่ละคนต้องมีผลไม้สุดโปรดเป็นของตัวเองแน่ๆ มาดูกันดีกว่าว่าผลไม้จะทายนิสัยของคุณได้แม่นแค่ไหน อย่างไร
กระท้อน คนชอบกินกระท้อน จะมีลักษณะแข็งนอกอ่อนใน ดูภายนอกเหมือนคนก้าวร้าวแต่จริง ๆ จิตใจดี อ่อนไหวง่าย ไม่ชอบความรุนแรง รักสงบ
กล้วย สำหรับคนที่ชอบทานกล้วย ภายนอกดูจะเป็นคนเงียบขรึม แต่นิสัยจริง ๆ คืออ่อนไหวง่าย ถ้าถูกใครพูดกระทบกระแทกหน่อยก็จะเก็บเอาไปคิดเสียใจ เป็นคนโอบอ้อมอารีย์ มีเหตุผล รอบคอบ มองการณ์ไกล ชอบวางแผน อนาคตให้ตัวเองและคนที่อยู่รอบข้างเสมอ เป็นคนนิสัยรักสันโดษ เป็นคนที่มีจิตเป็นกุศล ชอบทำบุญแก่คนทุกข์ยาก
เงาะ สำหรับสาว ๆ ที่ชอบกินเงาะจะเป็นคนค่อนข้างขี้เล่น สามารถทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้ ถึงคุณจะขี้โม้ไปบ้างแต่เพื่อน ๆ ก็ชอบในความร่าเริงสนุกสนานของคุณ
ชมพู่ สำหรับคนขี้เกรงใจ จะชอบกินชมพู่มากเป็นพิเศษ มีความอดทนสูง ยิ้มได้ในทุกสถานการณ์ แต่เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายและคิดมาก แต่ไม่ชอบที่จะทำร้ายจิตใจใครจริง ๆ ดังนั้นถ้าหนุ่มคนไหน ชอบกินชมพู่เป็นพิเศษหล่ะ ก็ควรจะเอาใจเค้าให้มาก เพราะเค้าจะคิดอะไร ๆ ไปในทางลบเสมอ
แตงโม เป็นของว่างจานโปรดสำหรับสาวใจกว้าง อ่อนโยน มีน้ำใจกับมิตรสหาย ซื่อสัตย์ไม่คิดคดทรยศเป็นคนง่าย ๆ มองโลกในแง่ดี จะไม่ค่อยโวยวายหรือคิดมาก ตั้งอกตั้งใจทำงานดี แต่มักแพ้ภัยแก่เพศตรงข้าม และคนที่ชอบกินแตงโมจะเป็นคนที่รักใคร่เอ็นดูของเพื่อนฝูงอีกด้วย
ฝรั่ง สาว ๆ ที่ชอบฝรั่งมักเป็นคนรักอิสระ ชอบที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ชอบทำอะไรซ้ำซากจำเจ
มะพร้าว เพื่อน ๆ ที่ชอบมะพร้าวมักเป็นคนใจบุญ มีจิตเป็นกุศล มองโลกในแง่ดี วาจาคมคาย พูดจาเหน็บคนให้เจ็บด้วยใบหน้าที่ใสซื่อเก่งนักแหละ
มะละกอ ผลไม้โปรดของคนที่มีน้ำอดน้ำทนสูง มีความคิดลุ่มลึก คิดเป็นเหตุเป็นผล วางแผนแยบยล โอบอ้อมอารีย์
มังคุด เหมาะสำหรับคนที่เก็บเนื้อเก็บตัว ช่างฝันและมีอารมณ์โรแมนติก อ่อนไหวง่าย รักใครได้ง่าย ๆ และเก็บเอาไปนึกคิดคนเดียว แต่ไม่นานก็ลืมเอาดื้อ ๆ แล้วก็ไปหลงคนอื่นต่อไปเรื่อยเปื่อย พูดง่าย ๆ คือเป็นผลไม้สำหรับคนเจ้าชู้ไงจ๊ะ
ลองกอง พวกที่ยึดเอาลองกองเป็นอาหารหลัก เป็นคนรักสันโดษ ชอบเดินทาง ชอบการผจญภัยในที่ที่ตนเองไม่เคยไป อนุรักษ์นิยม
ลางสาด สำหรับเพื่อน ๆ ที่เลือกลางสาดเป็นผลไม้หลัก จะเป็นคนอนุรักษ์นิยม ยึดมั่นในแนวความคิดเก่า ๆ ชอบวิถีทางที่เคยทำมาแต่ก่อน แต่เป็นคนมีเหตุผล
ลิ้นจี่ ผลไม้สำหรับคนชอบทำงานเบา ๆ ไม่ต้องใช้กำลังแรงงานมาก ๆ คนชอบทานลิ้นจี่กลัวเพื่อน ๆ จะลำบากน้อยกว่า เลยให้เพื่อน ๆ เอางานไปช่วยทำซะหมด ตัวเองคอยชักใยอยู่เบื้องหลังสบาย ๆ นี่เอง
ลำไย คนชอบทานผลไม้เม็ดเล็กชนิดนี้มักเป็นคนปากหวาน ชอบประจบประแจง ใช้คำพูดยกยอคนให้หลงปลื้ม แต่มักเป็นคนชอบนินทาว่าร้ายคนอื่นลับหลัง
สตรอเบอร์รี่ ถ้าชอบทานสตรอเบอร์รี่ บอกได้เลยว่าคุณเป็นสาวคุยสนุก มีอารมณ์ขัน ทำให้คนอื่นหัวเราะได้ตลอดเวลา เป็นที่ต้องการของเพื่อนๆ ในกลุ่ม และเมื่อจะพูดคุยหรือทำอะไรก็ต้องมีคนดู คนฟัง และค่อนข้างมีรสนิยมทีเดียว
สาลี่ ผลไม้คุณหนู ผู้ที่ชอบทานมักจะมีนิสัยอ่อนหวาน สุภาพ อ่อนโยน ไม่ชอบขัดใจใคร มองโลกในแง่ดี ไม่นินทาว่าร้ายใคร นอกจากนี้ยังเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี
ส้มเขียวหวาน เห็นชอบส้มอย่างนี้เป็นคนทันสมัย หัวก้าวหน้า แต่มักมีนิสัยหึงหวงเพศตรงข้ามอยู่เนืองๆ มัธยัสถ์ รู้จักใช้จ่าย
ส้มโอ คนที่ชอบส้มโอจะเป็นคนที่รักความสบาย ความหรูหรา โอ่อ่า ใจอ่อนง่าย ถ้ามีใครๆ มาตื๊อก็คงยอมให้กันทุกอย่างแบบเทกระเป๋าไปเลย
สัปปะรด ผู้ที่ชอบกินเป็นคนที่แคร์คนอื่นมากเกินไป มัวแต่ไปเอาใจคนอื่นเกินไป ทำให้เพื่อนๆ มักจะรำคาญและเบื่อหน่ายอยู่เสมอ
องุ่น ผลไม้ยอดฮิตของคนสวยมีเสน่ห์ เพื่อนๆ ที่ชอบทาน มักเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนง่าย นิสัยร่าเริง มีความคิดความอ่านสุขุมรอบคอบ ปากกับใจไม่ค่อยตรงกันนัก ไม่ค่อยชอบบอกเรื่องส่วนตัวให้ใครรู้ง่าย ๆ
แอ๊ปเปิ้ล ผลไม้ของคนขี้เหงา ขาดเพื่อนไม่ได้ เป็นคนไม่ค่อยแคร์เรื่องความรัก คือนึกจะรักใครก็รัก นึกจะเลิกก็เลิกขึ้นมาง่ายๆ แต่จะเป็นคนที่มีความอดทนในเรื่องของการทำงาน

เรื่องจาก Forward Mail